top of page

หมีคิดดัง รีวิวท่องเที่ยว: "จ.ยโสธร" - ไม่ใช่คนหยิ่ง... แต่เป็นคนยโส

จังหวัดยโสธร ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ประชากรมีความสุขมากที่สุดในประเทศไทย และเมื่อพูดถึงเมืองยโสแล้ว หลายๆคนน่าจะรู้จักประเพณีบุญบั้งไฟ มาลัยข้าวตอก และตำนานพญาแถนที่สู้รบกับพญาคันคาก เมืองนี้มีดีอะไร มาติดตามชมกันครับ

จริงๆแล้วความเชื่อของประเพณีจุดบั้งไฟกับตำนานพญาแถนนั้นเกี่ยวข้องกันมาตั้งแต่อดีต เป็นที่มาของการก่อตั้งสวนสาธารณะวิมานพญาแถนภายใต้ความคิดของผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม

วิมานพญาแถน... สวนสาธารณะที่เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดยโสธร ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวความเป็นมาของประเพณีการจุดบั้งไฟของชาวยโส

ตำนานเล่าว่า... พญานาคี(พญานาค)และพญาคันคาก(คางคก) สองตัวนี้ครั้นนึงได้รวมพลขึ้นไปรบกับพญาแถน เพราะเคืองที่พญาแถนไม่ยอมให้พญานาคขึ้นไปเล่นน้ำ ทำให้ฝนไม่ตกในโลกมนุษย์ยาวนานถึง 7 ปี เมื่อการรบจบสิ้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้ทำ MOU กัน ซึ่งในสัญญาสงบศึกเขียนไว้ดังนี้ 1. เมื่อโลกมนุษย์จุดบั้งไฟคือสัญญานให้พญานาคขึ้นไปเล่นน้ำ 2. เมื่อได้ยิน กบ เขียด แมลงร้อง ให้รู้ว่าฝนลงมาแล้ว 3. เมื่อได้ยินเสียงหวูดของว่าว ขอให้หยุดส่งฝน

ไปชมบรรยากาศของสวนนี้กันเลยดีกว่า เริ่มกันที่พญานาคที่ตัวใหญ่มากๆ ตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำของสวนสาธารณะแห่งนี้กันเลย

ต่อมาก็แน่นอนว่าต้องเป็นพญาคันคากซึ่งจับมือกันขึ้นไปสู้รบกับพญาแถน

พญาคันคากหันหน้าออกมาหาแม่น้ำด้วยนะ เป็นสวนสาธารณะริมน้ำที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก

ท่ามกลางตำนานของสวนสาธารณะแห่งนี้ ยังมีสักขีพยานเป็นผู้คนที่ไปเดินชมเป็นจำนวนมาก

และอีกจุดหนึ่งที่เป็นที่นิยมของการถ่ายภาพคือป้ายนี้เลย ซึ่งหากมาในเวลาเช้าแล้วละก็ ดวงอาทิตย์จะขึ้นมาระหว่างหัวของพญานาคทั้งสองเลย พร้อมกับป้ายยโสธร (หมีคิดดังพลาดไปได้ไงนิ)

หลังจากได้ทราบตำนานคร่าวๆของเมืองยโสธรไปแล้ว ทีนี้เรามาดูความเป็นที่สุดจากจังหวัดนี้กันบ้างดีกว่า จะมีอะไรบ้างนะ?

1) พระประจำจังหวัดขนาดเล็กที่สุดในโลก - หนึ่งเดียวในโลกอยู่ที่นี่แล้ว... พระประจำจังหวัดยโสธรที่มีชื่อว่าพระพุทธบุษยรัตน์ หรือพระแก้วหยดน้ำค้าง ท่านมีความสูงแค่ 1.9 นิ้ว เท่านั้น (ให้นึกถึงยาดมตราโป๊ยเซียน ใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกัน... ยาดมตราโป๊ยเซียน... ยาดมตราโป๊ยเซียน... ยาดมตราโป๊ยเซียน... พอ! #องค์จริงท่านเล็กกว่าหน่อย) และถือเป็นพระประจำจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดอีกด้วย โดยประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาธาตุยโสธร หรือวัดพระธาตุอานนท์นี่เอง ... แช๊ะ!

นอกจากองค์พระแล้ว วัดนี้ยังมีหอไตรกลางน้ำที่สมบูรณ์บรรจุพระไตรปิฎกเก่าแก่อยู่จำนวนมาก

นิมนต์สามเณรมาเป็นแบบ เพื่อให้ได้บรรยากาศซะหน่อย

ระหว่างเดินถ่ายภาพอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นพระท่านกำลังย้อมจีวรกันเลยแอบถ่ายมาซะหน่อย

2) โบสถ์ไม้เก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุด - โบสถ์คริสบ้านซ่งแย้... เป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ในวัดอัครเทวดามีคาแอล จ.ยโสธร (ประมาณคนอิตาลีพูดคำว่า Michael มิ-คาร์-แอล-ลึ #กระดกลิ้นรัวๆ) สำหรับบรรยากาศภายในนั้น โปรงโล่ง เย็นสบาย ไม่แพ้โบสถ์สมัยใหม่เลยทีเดียว... แช๊ะ!

พร้อมแล้วก็ลองเข้าไปชมหน่อยซิ ทางเดินไม้เก่าแก่ เหมือนโรงเรียนสมัยก่อน เวลาเดินมีเสียงเสียดสีของไม้

เพดานสูงโปร่งเหมือนโบสถ์คริสทั่วไป

หลังจากเดินชมอยู่สักพักก็มีแม่ชีเดินออกมาต้อนรับด้วยอัธยาศัยที่อบอุ่น พร้อมกับแนะนำสถานที่อย่างละเอียด และมาโพสท่าให้พวกเราได้เก็บภาพกัน

ท่านบอกว่าเมื่อยแล้ว เนื่องจากต้องกลายมาเป็นนางแบบจำเป็น จึงขอส่งท้ายด้วยภาพนี้ละกันนะครับ

3) บ้านเกิดของผ้ามัดหมี่ภูไท - ผ้ามัดหมี่ของชาวภูไทนั้นมีการทำที่ละเอียดอ่อน เริ่มจากการนำฝักฝ้ายมาผ่านกระบวนการ กวัก ดีด ปั้น ทอสาย และย้อม โดยสีย้อมผ้าที่เห็นหลักๆหากเป็นสีแดงธรรมชาติจะมาจากครั่งและสีน้ำเงินจะมาจากคราม ด้วยความละเอียดอ่อนของวัตถุดิบนี่เอง จึงสามารถมัดใจของใครหลายๆคนได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เริ่มจากการตีฝ้ายกันก่อนเลย โดยการใช้เชือกผูกกับไม้และดีดแบบในรูปนี้

ตีเสร็จแล้วก็ม้วนเพื่อให้ฝ้ายที่ได้เกาะกันเป็นกลุ่มก่อนเพื่อเตรียมปั่นกันต่อไป

ต่อไปก็ถึงขั้นตอนที่ติดตาเรามากที่สุดนั่นก็คือการปั่นฝ้ายเพื่อทอให้เป็นสายนั่นเอง

มานี่สิ... ป้าจะสอน

พอได้ออกเป็นสายแล้ว ต่อไปก็ถึงขั้นตอนย้อมสีให้ออกมาเป็นสีสวยๆอย่างที่เราเห็น

เมื่อเสร็จแล้วเราก็จะได้ฝ้ายเส้นงามเพื่อที่จะนำมาทอต่อไป

ไปยื่นๆถ่ายคุณลุงท่านนี้ทอแหอยู่ ลุงแกบอกว่า ไม่ใช่ๆลูก อันนี้...เส้นเอ็น ไม่ใช่ฝ้าย 555

เมื่อทอเสร็จออกมาก็จะเป็นสาวรูปงาม.... เอ้ย... เครื่องนุ่งห่มชั้นงามแบบนี้ สวยงามใช่มั๊ยล่า

4) เมืองที่ประชากรมีความสุขที่สุดในประเทศ - มีวันนึงหมีคิดดังได้มีโอกาสออกไปเจอผู้คนมากมายในตลาดยามเช้าของตัวเมือง ผมตั้งชื่อตลาดแห่งนี้ว่า...ตลาดรวยยิ้ม เพราะรอยยิ้มชาวยโสนั้นหาง่ายยิ่งกว่าร้านขายของชำในเมืองหลวงซะอีก เพียงแค่คำทักทายเบาๆหรือหันไปสบยิ้มให้ คุณจะได้รอยยิ้มกลับมาแน่นอน ไม่แปลกเลยที่จังหวัดยโสธรนั้นได้ถูกจัดอันดับให้เป็นจังหวัดที่ประชากรมีความสุขที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 36 ของโลก

เดินเข้าไปในตลาดหน่อยดีกว่า สวัสดีจ๊ะพ่อหนุ่ม... รับสัปะรดหน่อยไหมจ๊ะ

สวัสดีจ๊ะป้า ขายยังไงจ๊ะ...

ห๊ะ! ป้า! เดี๋ยวนะ!!?!

ทุกคนนั้นทำงานไปยิ้มไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ผลสำรวจออกมาเป็นแบบนี้

ไหนๆเดินตลาดขึ้นชื่อแล้ว คงจะพลาดไม่ได้ที่จะสั่งอาหารของดีเมืองยโส นั่นก็คือ แท่น แท๊น........ ซกเล็กเนื้อ! ซึ่งวัตถุดิบหลักคือเนื้อวัวสด ปรุงรสแบบเดียวกับลาบ และราดด้วยเลือดวัวสดๆถึงสองทัพพี !!!

5) บ้านเกิดมาลัยข้าวตอก - บ้านเกิดของมาลัยข้าวตอกนั้นอยู่ที่ตำบลฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัยจังหวัดยโสธรนี่เอง โดยชาวบ้านนั้นจำนำข้าวเหนียวเม็ดมาคั่วเพื่อให้แตกตัวออกเหมือนป๊อบคอนและนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยสายเพื่อถวายให้แก่วัดเป็นมหากุศลก่อนวันมาฆบูชาและวันบุญผะเหวดหรือวันเทศน์มหาชาตินั่นเอง ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยสานความสัมพันธ์และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้แก่ผู้คนในชุมชนด้วยนะ

หน้าตาของมาลัยข้าวตอกจะออกมาเป็นประมาณนี้

ไม่ได้มีแค่พวงเล็กๆนะ แต่มีถึงขนาดสูงระเพดานระดับประกวดกันเลยทีเดียว

เห็นใหญ่ๆแบบนี้รายละเอียดครบนะ!

เราจะโตไปด้วยกันใช่ไหมจ๊ะป้า....

เป็นยังไงบ้างครับ คงต้องยอมรับเลยว่าจังหวัดยโสธรนี้คือจังหวัดที่มีความเป็นที่สุดมากมายจริงๆ และนอกจากนี้ยังมีสถานที่ๆผมยังไม่ได้เกริ่นในความเป็นที่สุดอีกมากมาย รอนักท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมชมรอความเป็นที่สุดอีกมาก ตัวอย่างเช่น

ย่านเมืองเก่ายโสธร - เป็นสถานที่ฮิปๆที่ยังคงกลิ่นไอของอดีตเอาไว้ให้ขาเที่ยวได้ไปเยี่ยมชม ถ่ายรูป ปั่นจักรยานกันได้อีกด้วย

ในยามเช้าย่านเมืองเก่านี้ยังมีประเพณีตักบาตรย้อนยุคด้วยนะ

จ.ยโสธรยังถือว่าเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมภูไทที่น่าชื่นชมและไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา สังเกตุได้จากการที่คุณลุงในภาพตักบาตร แกยังคงใช้มือปั้นข้าวเหนียวเพื่อใส่บาตรพระอยู่ เรียกว่า... อดีตเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น

และที่ย่านเมืองเก่าที่เดิมเนี่ยแหละ ในเวลากลางคืนยังมีศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จ.ยโสธรซึ่งถูกเก็บอนุรักษ์ไว้ สะดุดตากับสถาปัตยกรรมที่เด่นเป็นสง่าที่ถูกรายล้อมด้วยเงามืดของราตรีกาล... เกริ่นซะนาน... แช๊ะ!

วัดศรีธรรมมารามหรือวัดหลวงตาพวง เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อชาวสิงห์ท่ามาก ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่จำพรรษาของหลวงปู่พวง สุขินทริโย เกจิอาจารย์ชื่อดังสายหลวงปู่มั่น ภายในวัดมีบรรยากาศที่ร่มรื่น ในรูปเป็นพิพิธภัณฑ์หลวงตาพวงเป็นเจดีย์ทรงจตุรมุข ด้านหลังจะเป็นแม่น้ำชี มีบรรยากาศที่ร่มรื่น มีรอยพระพุทธบาทให้สักการะบูชา และหอไตรกลางน้ำ

เจดีย์ก่องข้าวน้อย หรือธาตุก่องข้าวน้อย - ในวัยเด็ก หลายๆคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กชายชาวนาท่านหนึ่งที่ทำนาด้วยความหิวโซ และเมื่อแม่ของชาวนาคนนี้นำอาหารมาให้ ปรากฏว่าชาวนาคนนี้ไม่พอใจแม่ของตนเองที่เห็นปริมาณกล่องข้าวเล็กและมีข้าวน้อย ด้วยความโมโหจึงทำร้ายแม่ของตนเองจนถึงแก่ความตาย แต่เมื่อชาวนาทานไปเท่าไรก็ไม่หมดสักที (น่าจะด้วยความที่ข้าวนั้นถูกอัดแน่นอยู่ในกล่อง) เลยทำให้ชาวนาท่านนี้รู้สึกผิดและสร้างเจดีย์นี้ขึ้นเพื่อทดแทนพระคุณของคุณแม่ตน

ผมขอจบบทความประสบการณ์ท่องเที่ยวเมืองยโสธรไว้เพียงเท่านี้ก่อน(เพราะเริ่มยาวแล้ว) จังหวัดนี้เรียกว่าเป็นจังหวัดน้องใหม่ของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ ยังมีสถานที่และกิจกรรมอีกมากมายที่ผมยังไม่ได้พูดถึง โดยเฉพาะอาหารพื้นเมือง"ลาบยโส" อยากให้เพื่อนๆได้ลองมาชิมด้วยตัวเอง สัมผัสทุกประสบการณ์ด้วยตัวเอง รับรองว่าจะลืมอีกหลายๆจังหวัดไปเลยล่ะครับ

------------------------------------------

สำหรับการเดินทางครั้งนี้หมีคิดดังเลือกใช้สายการบินไทยสมายล์ โดยบินมาลงที่จังหวัดอุบลราชธานี และต่อรถมาที่จังหวัดยโสธร ประมาณ 100 กิโล หรือประมาณชั่วโมงเดียวเองครับ เนื่องจากจังหวัดยโสธรเองยังไม่มีสนามบินที่เปิดให้เครื่องบินพาณิชย์ลงครับ

โชคดีที่ผมซื้อตั๋วเครื่องบินแบบ Smile Plus (Premium Eco) ด้วยความที่กลัวรถติดจึงมาเช็คอินก่อนเวลานานมาก โชคดีที่สามารถเข้าไปใช้เลาจ์บริการของการบินไทยได้ด้วย นั่งรอสบายๆเลย

อิ่มหนำตั้งแต่สนามบินยันบนเครื่องเลยล่ะครับ

หากเพื่อนๆถูกใจบล็อคนี้ สามารถกด like กด follow ผมได้ที่เพจหมีคิดดัง : www.fb.com/mheekiddung นะครับ ^^

 FOLLOW MHEE on fb: 
  • Facebook Social Icon
 RECENT POSTS: 
bottom of page